หลังจากการระบาดของเชื้อโควิด 19 มาอย่างยาวนานในช่วง 2 ปีนี้ เป็นผลให้นักเรียนต้องหยุดโรงเรียน หลังจากโควิดเริ่มซา เด็กๆกลับมาโรงเรียน และใช้ชีวิตตามปกติ เราพบว่า โรคต่างๆในเด็ก โดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อไวรัส กลับมาระบาดเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โรคมือเท้าปาก, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคติดเชื้อไวรัส RSV เป็นต้น เนื่องจากสามารถติดต่อได้โดยง่าย ผ่านการไอ จาม สัมผัสสิ่งคัดหลั่ง และยังมีความรุนแรงมากขึ้น อีกด้วย ซึ่งในกลุ่มที่ระบาด ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันแล้ว ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ส่วนการติดเชื้อไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีน และ โรคมือเท้าปาก ที่เพิ่งจะมีวัคซีนเข้ามาในไทย วัคซีนชนิดนี้ เป็นอย่างไร อ่านได้ที่บทความนี้เลย
ความสำคัญของโรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก เป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญโรคหนึ่ง เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ Enterovirus และ Coxsackie virus ส่วนใหญ่จะทำให้เด็กมีอาการไข้สูง มีตุ่มในปาก มีผื่นแดงตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า กินอาหารได้น้อย เนื่องจาก เจ็บในปาก สามารถหายได้เอง ภายใน 7 วัน การรักษา คือรักษาตามอาการ และให้กินของเย็นได้ และส่วนน้อย จะทำให้เกิดโรคมือเท้าปากชนิดรุนแรง ซึ่งพบได้ จากการติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะสมองอักเสบ เด็กจะมีอาการ ซึม ชัก เกร็งกระตุกได้ และปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ เด็กจะมีอาการ หายใจหอบเหนื่อย ได้ เมื่อมีอาการรุนแรงต้องได้รับการรักษาจำเพาะ และ ได้ IVIG ทั้งสองภาวะมีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้
โรคมือเท้า ปาก ที่ระบาดในประเทศไทยใน ขณะนี้ มีทั้งสองสายพันธุ์ แต่จะพบจาก Coxsackie virus มากกว่า
ซึ่งลักษณะเด่น คือ ผื่นจะเยอะบริเวณ
- แขน
- ขา
- มือ
- เท้า
- รอบเข่า
- ก้น
- ตุ่มในปาก
บางรายผื่นคล้ายอีสุกอีใส มีไข้ กินได้น้อย ไม่ค่อยพบอาการรุนแรง เหมือนติดเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผื่นไม่ค่อยเยอะ แต่อาการจะรุนแรง เช่น ไข้ ซึม ชัก กระตุก เหนื่อยหอบได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรเฝ้าระวังหากติดเชื้อมือเท้าปาก
ปกติการวินัจฉัยแยกโรค ว่าเกิดจากไวรัสชนิดไหน ต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการจำเพาะ มีเฉพาะในบางโรงพยาบาลเท่านั้น และราคาค่อนข้างสูง ปกติกุมารแพทย์ จะอาศัยจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย เท่านั้น หรือมีอาการรุนแรงก็อาจพิจารณาส่งตรวจในแง่ของระบาดวิทยา ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และกังวลว่าลูกจะติดเชื้อไวรัสมือเท้าปากชนิดรุนแรง การฉีดวัคซีน ป้องกันไว้ย่อมดีกว่า
วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก จากเชื้อ Enterovirus 71
วัคซีนชนิดนี้ ชื่อทางการค้า คือ EntroVac @ เป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับการรับรองว่าสามารถป้องกันเชื้อ Enterovirus 71 ได้ และผ่านการรับรอง อย.(FDA) ประเทศไทย ซึ่งวัคซีนนี้ผลิตในประเทศจีน ซึ่งจีนใช้มาตั้งแต่ปี 2016 และมีการใช้อีกหลายประเทศ โรคมือเท้าปากระบาดทั่วไปในหลายประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในไทย แต่ประเทศไทยเริ่มนำเข้ามาปีนี้ วัคซีนนี้เป็นแบบวัคซีน เชื้อตาย Inactivated (Human Diploid Cell) จึงมีความปลอดภัย และไม่ค่อยเกิด ผลข้างเคียง ตามหลักสามารถ ฉีดพร้อมกันกับ วัคซีนเชื้อตายอื่นๆได้
วัคซีนนี้จะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อเชื้อเอนเทอโรไวรัสชนิด 71 (EV71) เพื่อป้องกันโรคมือ เท้า ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ EV71 เท่านั้น วัคซีนนี้ไม่สามารถใช้เพื่อป้องกันโรคมือเท้า ปากที่มี สาเหตุจากเชื้อเอนเทอโรไวรัสชนิดอื่นๆ และCoxsackie virus ได้ ดังนั้น เมื่อฉีดแล้ว ยังสามารถเป็นโรคมือเท้าปากได้อีก ถ้าติดจากเชื้อไวรัสคนละชนิดกัน
คำแนะนำการฉีดวัคซีน
- วัคซีนนี้ใช้สำาหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ( ตามการศึกษา คือ ถึง 71 เดือน )
- วัคซีนฉีดครั้งละ 0.5 มิลลิลิตร เข้า กล้ามเนื้อ ฉีด ทั้งหมด 2 ครั้ง โดยเว้นช่วงห่าง 1 เดือน
- ยังไม่มีการกำหนด ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องฉีดเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน (booster dose) หรือไม่
- หากเคยเป็นโรคมือเท้าปากแล้ว ก็สามารถฉีดได้ (ถ้าคนละสายพันธุ์ )
- อายุมากกว่า 5 ปี ไม่ใช่กลุ่ม recommend สำหรับวัคซีน เนื่องจากมักมีอาการไม่รุนแรง และอาจมีภูมิคุ้มกันแล้ว เช่น เคยรับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ เป็นต้น
ประสิทธิภาพของวัคซีน
- วัคซีนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อดี จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 ในอาสาสมัครเด็กสุขภาพดีอายุระหว่าง 6-71 เดือน จำนวน 12,000 คน พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อการต้านโรคมือเท้าปากที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส EV71 มีค่า 97.3% และจากการศึกษาทางคลินิกระยะที่ 4 พบว่า EntroVac มีประสิทธิผล (Effectiveness) ในการป้องการติดเชื้อ EV71 สูง 89.7% และจากการศึกษาทางคลินิกทั้งระยะที่ 3 และ 4 ไม่พบผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ EV71 ที่รุนแรงในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนเลย ( ป้องกันการติดเชื้อ EV 71 ชนิดรุนแรงได้ 100 %)
- วัคซีนมีความปลอดภัย จากการศึกษาทางคลินิกระยะ 3 ไม่พบ serious adverse reaction ในกลุ่มเด็กที่ได้รับ vaccine และ จากการศึกษาทางคลินิกระยะ 4 ในเด็กที่ได้รับวัคซีนทั้งหมด 40,724 คน พบว่า EntroVac มีความปลอดภัยสูง โดยพบว่าเกิดTotal adverse event เพียง 4.58%
- นอกจากนี้ยังมีการศึกษา Immunogenicity พบว่ามี seroconversion(การกระตุ้นภูมิ) 100% ที่ 1 เดือนหลังได้รับ vaccine ในเข็ม ที่ 2 และระดับการคงอยู่ของภูมิคุ้มกันอยู่ที่ระยะเวลา 2 ปี ภายหลังการก่อภูมิคุ้มกัน
- วัคซีนมี Cross Neutralization: จากการศึกษาพบว่า EntroVac มี cross neutralization ต่อเชื้อไวรัส EV71 9 สาย พันธุ์ Genotype A (สายพันธุ์ BrCr), Genotype C (subtype C1, C2, C3, C4, C5) และ Genotype B (subtype B3, B4, B5) ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์ ที่ระบาดในไทย ในขณะนี้ คือ EV 71 subgenotype B5 และ C4
ผลข้างเคียงของวัคซีน
การเกิดผลข้างเคียง หลังฉีดวัคซีน ที่พบได้ ได้แก่ ไข้ (>10%) และพบเป็นส่วนน้อย ได้แก่ ปวด บวม แดง คัน บริเวณที่ฉีด ผลข้างเคียงอื่นๆที่พบได้ไม่บ่อย ได้แก่ มีความอยากอาหารลดลง งอแง ถ่ายเหลว อาเจียน อ่อนแรง หรือแพ้วัคซีน หากพบมักจะอาการไม่รุนแรง เป็นไม่กี่วัน เหมือนการฉีดวัคซีนทั่วไป และยังไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
สรุป
โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ซึ่งโดยทั่วไปสามารถหายเองได้ รักษาตามอาการ และพบอาการรุนแรงไม่ได้บ่อย ซึ่งหากผู้ปกครองกังวลและกลัวลูกจะติดเชื้อมือเท้าปาก แบบรุนแรง ก็สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากจากเชื้อ EV 71 ได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพดี ป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้ถึง 97.3 % และป้องกันการเสียชีวิต ได้ 100% และมีความปลอดภัย เกิดผลข้างเคียงน้อย
อย่างไรก็ตามวัคซีนชนิดนี้ ยังคงเป็นวัคซีนเสริม ยังไม่ได้อยู่ในโปรแกรมวัคซีนทั่วไปที่สนับสนุนโดยรัฐบาล และยังเป็นวัคซีนใหม่ ไม่ได้จำหน่ายโดยทั่วไปใน โรงพยาบาล สำหรับใครที่สนใจสามารถสอบถามวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้าน
ขอบคุณ บทความโดย พ.ญ พิมพิกา ตันติธรรมวงศ์
กุมารแพทย์ ประจำโรงพยาบาลถลางและพิมพิกาคลินิก ภูเก็ต
ข้อมูล ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2565
—————————————————-
ทางพิมพิกาคลินิกมีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากแล้ว วันนี้ สามารถทักสอบถามทางช่องทางติดต่อของคลินิกได้โดยตรง